ข่าวประชาสัมพันธ์

สนก.ดำเนินการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแนวทางการคัดเลือกผู้แทนนักเรียนไทยเข้าร่วมการแข่งขันและการพิจารณากรอบหลักสูตรการแข่งขันทางวิชาการระดับนานาชาติ ประจำปี 2567 ณ โรงแรมบียอนด์ สวีท กรุงเทพมหานคร

เมื่อวันที่ 22 – 24 ธันวาคม พ.ศ. 2566  สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา
ภายใต้กลุ่มวิจัยและพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ ได้ดำเนินจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแนวทาง
การคัดเลือกผู้แทนนักเรียนไทยเข้าร่วมการแข่งขันและการพิจารณากรอบหลักสูตรการแข่งขันทางวิชาการ
ระดับนานาชาติ ประจำปี 2567 ณ โรงแรมบียอนด์ สวีท กรุงเทพมหานคร

การประชุมครั้งนี้ ดร.จักรพงษ์ วงศ์อ้าย รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา
ได้มอบหมายให้ ดร.ฐาปณัฐ อุดมศรี รองผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้
เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแนวทางการคัดเลือกผู้แทนนักเรียนไทยเข้าร่วมการแข่งขัน
และการพิจารณากรอบหลักสูตรการแข่งขันทางวิชาการระดับนานาชาติ ประจำปี 2567

โดยผู้ทรงคุณวุฒิและคณะกรรมการดำเนินงานโครงการ ได้ร่วมกันจัดทำแผนดำเนินงาน
และแนวทางการคัดเลือกผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันทางวิชาการด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
จากนั้นมีการประชุมผ่านระบบออนไลน์โดยผู้รับผิดชอบโครงการระดับเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อชี้แจง แนะนำ
และขอความคิดเห็น ในการพัฒนาแนวทางและกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนเพื่อประกอบการตัดสินใจ
และขับเคลื่อนโครงการแข่งขันทางวิชาการด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ระดับนานาชาติ ประจำปี พ.ศ. 2567
อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อไป

 

สนก.เดินหน้าโครงการพัฒนานวัตกรรมการยกระดับเครือข่ายองค์กรแห่งการเรียนรู้สู่การเสริมสร้างศักยภาพและต่อยอดเยาวชนไทยในระดับสากล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

ดร.ศุภสิน ภูศรีโสม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา มอบหมายให้ ดร.ฐาปณัฐ อุดมศรี รองผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนการดำเนินงานโครงการพัฒนานวัตกรรมการยกระดับเครือข่ายองค์กรแห่งการเรียนรู้สู่การเสริมสร้างศักยภาพและต่อยอดเยาวชนไทยในระดับสากล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระหว่างวันที่ 7 – 8 ธันวาคม พ.ศ 2566 ณ โรงแรมริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร

การประชุมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ศึกษานิเทศก์ และคณะทำงานส่วนกลาง โดยผู้เข้าร่วมการประชุมได้ร่วมกันระดมความคิดเห็น และให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาแผนการดำเนินงานโครงการพัฒนานวัตกรรมการยกระดับเครือข่ายองค์กรแห่งการเรียนรู้สู่การเสริมสร้างศักยภาพและต่อยอดเยาวชนไทยในระดับสากล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปใช้ในการดำเนินงานโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ให้เกิดสิทธิผลสูงสุดในการเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายองค์กรแห่งการเรียนรู้ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ เพื่อการยกระดับศักยภาพและต่อยอดเยาวชนไทยสู่การประกอบอาชีพและการศึกษาต่อในระดับสากลต่อไป

ศธ. บูรณาการต้านทุจริต จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โครงการโรงเรียนสุจริต ระดับประเทศ

วันที่ 6 ธันวาคม 2566 นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การนำเสนอผลงาน การประกวดแข่งขันกิจกรรมการเรียนรู้ ภายใต้โครงการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาลในสถานศึกษา และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (โครงการโรงเรียนสุจริต) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ระดับประเทศ และกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (9 ธันวาคม) ณ โรงแรมเอวาน่า กรุงเทพมหานคร โดย ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้มอบหมายให้ นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธํารง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายทวิชาติ นิลกาญจน์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ นายสมพงษ์ ตะโกพ่วง ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและติดตาม ต้านทุจริตศึกษา 2 สำนักต้านทุจริตศึกษา (สำนักงาน ป.ป.ช.) นายศุภสิน ภูศรีโสม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา นายจักรพงษ์ วงค์อ้าย นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ (ด้านพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้) รวมถึงข้าราชการและบุคลากรของกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี

 

นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาการทุจริต ซึ่งมีความจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดําเนินการในทุกภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะภาคการศึกษา ที่มีบทบาทหน้าที่ในการให้ความรู้และปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติในอนาคต โดยดําเนินกิจกรรมที่สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่กําหนดเป้าหมายหลักให้ภาครัฐมีความโปร่งใส ปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ผ่านการพัฒนาคนและการพัฒนาระบบ โดยให้ความสําคัญกับการปรับและหล่อหลอมพฤติกรรม “คน” ทุกกลุ่มในสังคมให้มีจิตสํานึกและพฤติกรรมยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต

 

ทั้งนี้ การพัฒนาผู้เรียน นอกจากมุ่งเน้นการพัฒนาด้านความรู้ความเป็นเลิศทางด้านวิชาการแล้ว ควรต้องคำนึงถึงการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นพลเมืองดีของชาติ โดยเสริมสร้างผู้เรียนให้มีความรักในสถาบันหลักของชาติ ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีทัศนคติที่ดีต่อบ้านเมือง มีหลักคิดที่ถูกต้อง เป็นพลเมืองดีของชาติ และพลเมืองโลกที่มีคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต มัธยัสถ์อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย และรักษาศีลธรรม ซึ่งการศึกษานั้นถือเป็นเรื่องของคนทุกคน ดังนั้น ความคาดหวังต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพียงเพราะการดำเนินการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องดำเนินการด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อสร้างคุณภาพการศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ภายใต้พลวัตรการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ เราต้องร่วมกันพัฒนาประเทศเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการศึกษาปัจจุบัน ร่วมกันยกระดับคุณภาพการศึกษาให้เจริญรุดหน้า ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ) ด้วยแนวคิดการจัดการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต

 

“เวทีแห่งนี้ถือเป็นเวทีนำเสนอผลงานที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ผ่านการดำเนินโครงการโรงเรียนสุจริต ภายใต้สถานการณ์ความท้าทายของสังคมไทยในปัจจุบัน กับการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่เกิดขึ้น ผมขอให้ทุกท่านใช้ประโยชน์จากเวทีแห่งนี้ ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถอดบทเรียนไปสู่การขับเคลื่อนโครงการที่มีเป้าหมายใหญ่ร่วมกันในอนาคต คือ การสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริตครับ” รมช.ศธ. กล่าว

 

ทางด้าน นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธํารง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. ได้กล่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ดำเนินโครงการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาลในสถานศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (โครงการโรงเรียนสุจริต) เพื่อพัฒนานักเรียน ครู ผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษาของ สพฐ. ให้เกิดคุณลักษณะ 5 ประการของโครงการโรงเรียนสุจริต ได้แก่ ทักษะกระบวนการคิด มีวินัย ซื่อสัตย์สุจริต อยู่อย่างพอเพียง และจิตสาธารณะ โดยดำเนินการตามแนวทางของปฏิญญาโรงเรียนสุจริต ทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านการป้องกัน ด้านการปลูกฝัง และด้านการสร้างเครือข่าย ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่ กิจกรรมตามโครงการโรงเรียนสุจริต กิจกรรมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุจริต การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัด สพฐ. (ITA Online) และการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายตัวชี้วัดของแผนบูรณาการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

 

ทั้งนี้ กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฯ ในครั้งนี้มีกำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 6-9 ธันวาคม 2566 ณ โรงแรมเอวาน่า กรุงเทพฯ โดยมีกิจกรรมภายในงาน ได้แก่ 1. กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การนำเสนอผลงาน และการประกวดแข่งขัน จำนวน 7 กิจกรรม ประกอบด้วย 1) กิจกรรมบริษัทสร้างการดี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 2) กิจกรรมบริษัทสร้างการดี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 3) กิจกรรมถอดบทเรียน (Best Practice) นวัตกรรมการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษา 4) นวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนของครู 5) นวัตกรรมการขับเคลื่อนโครงการโรงเรียนสุจริตของศึกษานิเทศก์ 6) นวัตกรรมการขับเคลื่อนโครงการของผู้รับผิดชอบโครงการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุจริต 7) กิจกรรมการใช้และประเมินผลหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (1 โรงเรียน 1 นวัตกรรม) นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสื่อสร้างสรรค์ ภาพยนตร์สั้นต่อต้านการทุจริต กิจกรรมผลงานหนังสือเล่มเล็กจากผลการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) กิจกรรมออกแบบบอร์ดเกม เพื่อส่งเสริมการต่อต้านการทุจริต (Anti-Corruption Board Game) และมีการจัดแสดงนิทรรศการ อาทิ นิทรรศการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุจริต แสดงผลการดำเนินงาน และภาพความสำเร็จของการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาออนไลน์ (ITA Online) รวมถึงนิทรรศการพิพิธภัณฑ์ต้านโกงเสมือนจริง (Virtual Anti-Corruption Museum) ที่แสดงแหล่งการเรียนรู้เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต วิวัฒนาการจากอดีต ปัจจุบัน เชื่อมไปสู่อนาคต และกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล เป็นต้น

 

ที่มา : เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

 

สนก.เปิดบ้านต้อนรับผู้แทนมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือด้านการต่อยอดนักเรียนไทยที่มีศักยภาพสูงสู่การศึกษาต่อ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้โครงการพัฒนานวัตกรรมการยกระดับเครือข่ายองค์กรแห่งการเรียนรู้สู่การเสริมสร้างศักยภาพและต่อยอดเยาวชนไทยในระดับสากล

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ดร.ธัญนันท์ แก้วเกิด รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษาให้เกียรติเป็นประธานในการเปิดประชุมและกล่าวต้อนรับผู้แทนมหาวิทยาลัยจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 แห่ง ประกอบด้วย
1.Shanxi University
2.Northeast Forestry University
3.Zhejiang University of Technology
4.Huazhong University of Science and Technology
5.Changsha University of Science and Technology
6.Xi’an jiaotong university
7.Tianjin University
8.Yangzhou University
9.Huazhong University of Science and Technology

การประชุมหารือแนวทางความร่วมมือในการต่อยอดนักเรียนไทยที่มีศักยภาพสูงสู่การศึกษาต่อ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดขึ้นภายใต้การดำเนินงานโครงการพัฒนานวัตกรรมการยกระดับเครือข่ายองค์กรแห่งการเรียนรู้สู่การเสริมสร้างศักยภาพและต่อยอดเยาวชนไทยในระดับสากล โดยกลุ่มวิจัยและพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ (วพร.) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนโครงการระหว่างหน่วยงานเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน
รวมถึงการหารือเกี่ยวกับแนะแนวพิจารณาทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆสำหรับนักเรียนในสังกัดสำนักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และมีศักยภาพเพียงพอที่จะเดินทางไปศึกษาต่อ
ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความร่วมมือภายใต้โครงการพัฒนานวัตกรรมการยกระดับเครือข่ายองค์กรแห่งการเรียนรู้สู่การเสริมสร้างศักยภาพและต่อยอดเยาวชนไทยในระดับสากล โดยมติการประชุมได้กำหนดให้เพิ่มจำนวนมหาวิทยาลัยเข้าสู่โครงการและสรุปข้อมูลจำนวนและประเภททุนการศึกษาให้แล้วเสร็จภายในเดือน มกราคม 2567 ต่อไป

สนก.จับมือภาคีเครือข่ายเชิญมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศจีน ร่วมจัดกิจกรรมแนะแนวทุนการศึกษา China Education “One Belt One Road 2023” ภายใต้โครงการพัฒนานวัตกรรมการยกระดับเครือข่ายองค์กรแห่งการเรียนรู้สู่การเสริมสร้างศักยภาพและต่อยอดเยาวชนไทยในระดับสากล

เมื่อวันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ดร.ศุภสิน ภูศรีโสม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา ให้เกียรติ
เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมแนะแนวทุนการศึกษา China Education “One Belt One Road 2023” ภายใต้โครงการพัฒนานวัตกรรมการยกระดับเครือข่ายองค์กรแห่งการเรียนรู้สู่การเสริมสร้างศักยภาพและต่อยอดเยาวชนไทย
ในระดับสากล ซึ่งเป็นโครงการในแผนงานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในปีงบประมาณ พ.ศ.2566  ณ ศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา กรุงเทพมหานคร เขต 2

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมการให้ความรู้เกี่ยวกับการศึกษาต่อสาธารณรัฐประชาชนจีน การเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบพื้นฐานภาษาจีน HSK การประชาสัมพันธ์ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีความประสงค์จะไปศึกษาต่อ ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างครู นักเรียน และผู้แทนมหาวิทยาลัยจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 แห่ง ได้แก่
1.Shanxi University
2.Northeast Forestry University
3.Zhejiang University of Technology
4.Huazhong University of Science and Technology
5.Changsha University of Science and Technology
6.Xi’an jiaotong university
7.Tianjin University
8.Yangzhou University
9.Huazhong University of Science and Technology
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย ผู้บริหาร ครู และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวนกว่า 300 คน จากโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 จำนวน 19 โรงเรียน ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมข้างต้น ผู้แทนมหาวิทยาลัยจากสาธารณรัฐประชาชนจีนกำหนดแผนการเยี่ยมชมการจัดการศึกษาของโรงเรียนกรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัยและโรงเรียนสตรีวิทยา เพื่อเตรียมขยายผลโครงการในระยะต่อไป

เด็กไทยสุดเจ๋ง คว้า 24 เหรียญ จากการเข้าร่วมแข่งขันคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ โอลิมปิก ระหว่างประเทศ ระดับประถมศึกษา ครั้งที่ 20 ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ : 20th International Mathematics and Science Olympiad for Primary School Students (IMSO 2023) ผ่านระบบออนไลน์

นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ส่งผู้แทนนักเรียนไทยที่มีความสามารถ
เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ระดับประถมศึกษา ครั้งที่ 20
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ : 20th International Mathematics and Science Olympiad for Primary School
Students (IMSO 2023) ระหว่างวันที่ 16-21 พฤศจิกายน 2566 ในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งมีนักเรียนไทยเข้าร่วม
การแข่งขันทั้งสิ้นจำนวน 24 คน แบ่งออกเป็น 2 วิชา คือวิชาคณิตศาสตร์ ระดับประถมศึกษา จำนวน 12 คน
และวิชาวิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา จำนวน 12 คน

ผลการแข่งขันปรากฎว่า นักเรียนไทยสามารถคว้ารางวัล รวมทั้งสิ้น 24 เหรียญ แบ่งเป็นเหรียญทอง 6 เหรียญ เหรียญเงิน 16 เหรียญ เหรียญทองแดง 2 เหรียญ

วิชาคณิตศาสตร์ ระดับประถมศึกษา จำนวน 12 เหรีญ ได้แก่

เหรียญทอง  2 รางวัล ได้แก่

1.เด็กชายฉัตรดนัย ลิ้มศิริรังสรรค์        โรงเรียนนานาชาติกระบี่

2.เด็กชายปรรณ กาญจนารัณย์           โรงเรียนอำนวยศิลป์

เหรียญเงิน 8 รางวัล ได้แก่

1.เด็กชายกรณ์ สิริธนกุล                      โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

2.เด็กชายณกฤช ฤกษ์รัตนวราพร        โรงเรียนอำนวยศิลป์

3.เด็กชายณัฐพัชร์ พาชีรัตน์                 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

4.เด็กชายธนนันท์ สุวรรณพันธุ์            โรงเรียนอนุบาลปราจีนบุรี

5.เด็กชายปริญญา สิงห์กัญญา            โรงเรียนแสงทองวิทยา

6.เด็กชายพชร เรามานะชัย                  โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา

7.เด็กชายวัชรวีร์ ตันธนพิพัฒน์            โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้า

8.เด็กชายศิวัตร์ กาลเนาวกุล                โรงเรียนแสงทองวิทยา

เหรียญทองแดง 2 รางวัล ได้แก่

1.เด็กหญิงวรฤทัย คงนคร                    โรงเรียนบูรณะรำลึก

2.เด็กชายอัสรัน พงศ์พิมล                    โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น

วิชาวิทยาศาสตร์ ระดับประถมศึกษา จำนวน 12 เหรีญ ได้แก่

เหรียญทอง  4 รางวัล ได้แก่

1.เด็กหญิงณัฐธยาน์ ฉายวิริยะ            โรงเรียนอนุบาลนครศรีธรรมราช ณ ราชอุทิศ

2.เด็กชายปุญญพัฒน์ ฉัตรพรจรัส       โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม

3.เด็กชายพงศ์ฤทธิ์ พงส์เผ่าทอง        โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

4.เด็กชายภัทรวุฒิ บางอ้น                    โรงเรียนสัมชัญแผนกประถม

เหรียญเงิน 8 รางวัล ได้แก่

1.เด็กชายการิน หุนศิริ                          โรงเรียนราชวินิต

2.เด็กชายเกื้อ เรืองเกียรติกุล                โรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ

3.เด็กชายแทนคุณ กังแฮ                      โรงเรียนแสงทองวิทยา

4.เด็กชายบารเมษฐ์ เจริญชัยสมบัติ      โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม

5.เด็กชายบูรพ์ ตันตระกูล                    โรงเรียนเซนต์คาเบรียล

6.เด็กชายปณิธิ สุนันท์กิ่งเพชร             โรงเรียนเซนต์คาเบรียล

7.เด็กชายวริศ สุวรรณชาตรี                 โรงเรียนแสงทองวิทยา

8.เด็กชายศุภกร อุไรพันธ์                      โรงเรียนแสงทองวิทยา

การประชุมแนวทางความร่วมมือ 3 ภาคส่วนในการสนับสนุนการศึกษาไทย ประจำปี 2566” (​CONNEXT ED CONFERENCE 2023) ณ แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 3 True Digital Park วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 โครงการคอนเน็กซ์อีดี ประกอบไปด้วยมูลนิธิสานอนาคตการศึกษาคอนเน็กอีดี กระทรวงศึกษาธิการ และภาคประชาสังคม จัดการประชุม “แนวทางความร่วมมือ 3 ภาคส่วนในการสนับสนุนการศึกษาไทย ประจำปี 2566” (​CONNEXT ED CONFERENCE 2023) ณ แกรนด์ ฮอลล์ ชั้น 3 True Digital Park โดยมี พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิฯ พร้อมด้วยคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ, พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ผู้ทรงคุณวุฒิภาคประชาสังคม ภาครัฐ และผู้บริหารจาก 52 องค์กรเอกชน ร่วมประชุมติดตามผลการดำเนินงาน และหารือแนวทางการพัฒนาตาม 5 ยุทธศาสตร์หลักเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้ก้าวทันยุคดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงของโลก

ระหว่างการประชุม พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวชื่นชมแนวทางการทำงานด้านการศึกษาของภาคเอกชนที่มีส่วนช่วยเข้ามาเติมเต็มการศึกษาของประเทศไทย ที่ให้การสนับสนุนโรงเรียนของภาครัฐซึ่งอยู่ภายใต้โครงการ จำนวน 5,570 โรงเรียน ซึ่งมีนโยบายต่างๆของโครงการคอนเน็กซ์อีดีสามารถดำเนินการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการได้  นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เสนอแนวทางเสริมถึงความเป็นไปได้ในการขยายโอกาสเพื่อรับทรัพยากรที่ดีจากมูลนิธิการศึกษาคอนเน็กซ์อีดี ในการพัฒนาระบบการจัดการสถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการต่อไป เช่น การพัฒนาระบบประเมินผลผู้เรียนตามหลักยุทธศาสตร์ 5 ของโครงการ ,การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรให้เป็นไปตามยุคสมัย ,ระดมเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) 17 Goals มาใช้กับภาคการศึกษา
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในการดำเนินงานร่วมกันเพื่อพัฒนาการศึกษาขั้นต่อไป โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมกล่าวคำขอบคุณต่อทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษาประเทศไทยตลอดมา

รายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่าง Tokyo Metropolitan Board of Education และ สพฐ. ในกิจกรรมออนไลน์ Virtual Study Abroad

รายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่าง Tokyo Metropolitan Board of Education และ สพฐ.
ในกิจกรรมออนไลน์ Virtual Study Abroad และกิจกรรมออนไลน์ High School Students International Conference รับฟังบรรยาย อภิปรายและทำกิจกรรมในหัวข้อ Virtual Study Abroad
ในวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ระหว่างเวลา 07.00 – 14.30 น. (เวลาประเทศไทย)

โครงการความร่วมมือ ด้านการศึกษาระหว่าง Tokyo Metropolitan Board of Education และ สพฐ. กิจกรรมออนไลน์ Virtual Study Abroad

โครงการความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่าง Tokyo Metropolitan Board of Education และ สพฐ.
กิจกรรมออนไลน์ Virtual Study Abroad

รับสมัครนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่อยู่ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์ High School Students International Conference รับฟังบรรยาย อภิปรายและทำกิจกรรมในหัวข้อ Virtual Study Abroad

ในวันศุกร์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ระหว่างเวลา ๐๗.๐๐ – ๑๔.๓๐ น. (เวลาประเทศไทย)

 

“กลุ่มวิจัยและพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ เปิดตัวโครงการ The Bridge ในงานมหกรรมการศึกษาต่อ ณ ไบเทค บางนา”

วันที่ 7 ตุลาคม 2566 เวลา 11.00 น. กลุ่มวิจัยและพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา ได้เข้าร่วมมหกรรมการศึกษา DekDee study aboard fair และ Dek-D’s TCAS Fair ที่จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมแก่นักเรียนและผู้ปกครองในการเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศ โดยภายในงานมีนิทรรศการ
จากมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา และบริษัทเอกชน จำนวนกว่า 100 นิทรรศการ และมีการบรรยายรวมถึงการ
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาต่อจากอดีตนักเรียนทุน ผู้เชี่ยวชาญ และหน่วยงานต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก

โดย ดร.ฐาปณัฐ อุดมศรี รองผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ ได้รับเชิญให้กล่าวถึงการดำเนินงานโครงการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้สู่การต่อยอดเยาวชนไทยในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นโครงการตามแผนงาน
ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่สามารถต่อยอดนักเรียนไทยที่มีศักยภาพและมีความพร้อม ให้ได้รับทุนจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ภายใต้การส่งเสริม สนับสนุน และติดตามดูแลจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน อย่างเป็นระบบ

ภายในงานดังกล่าว รองผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ได้กล่าวเปิดตัวโครงการ “The Bridge” ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดช่องว่างในการต่อยอดจากระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของระบบการศึกษา
ในประเทศไทยไปสู่ระดับอุดมศึกษาในประเทศอังกฤษ โดยมุ่งเน้นการรวบรวมทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนชั้น ม.6
ในการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ณ ประเทศอังกฤษ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการเรียนหลักสูตร foundation หรือ A-Level ซึ่งอาจทำให้นักเรียนต้องใช้เวลาในการเรียนเพิ่มมากขึ้น

โครงการ “The Bridge” เป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือของ กลุ่มวิจัยและพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้
สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา และ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ อาทิ University of Northampton, DE Montfort University University of Greenwich และ University of Roehampton ภายใต้การสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศจากสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และการประสานงานจาก iStudyUK โดยหลังจากนี้จะมีการประชาสัมพันธ์โครงการไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ในช่วงเปิดเทอมเดือนพฤศจิกายนต่อไป

การขับเคลื่อนการจัดการบรรจุภัณฑ์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยหลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (EPR)

TIPMSE รวมพลังเครือข่ายประกาศเริ่มปฏิบัติการ EPR ภาคสมัครใจ เก็บกลับบรรจุภัณฑ์สู่วงจรรีไซเคิล

ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง เป็นผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ หนึ่งใน 26 องค์กรที่มาร่วมแสดงเจตจำนงขับเคลื่อน EPR Voluntary เพิ่มเติมในปี 2023 โดยมีบทบาทการทำงานร่วมกันในส่วนของการสื่อสารสร้างความเข้าใจเพื่อสนับสนุนหลักการ EPR ให้กับกลุ่มเยาวชนซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการจัดการบรรจุภัณฑ์ผ่านกิจกรรมหลักสูตรอบรมครูประถม-มัธยม และกิจกรรมโต้สาระวาที ซึ่งเป็น 2 กิจกรรมที่จะช่วยให้เยาวชนเข้าใจและมีส่วนร่วมในการจัดการบรรจุภัณฑ์ต่อไปอนาคตได้

ภายในงานดังกล่าวมีเวทีสัมมนา “EPR in action: ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ธุรกิจปังอย่างยั่งยืน” โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ และสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หรือ TIPMSE จัดเวทีสัมมนา พร้อมแถลงความร่วมมือระหว่าง 4 องค์กรเครือข่าย ได้แก่ PackBack By TIPMSE, PPP Plastics, PRO Thailand Network และ Aluminum Closed Loop Packaging System ที่มีบทบาทในการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว ทั้งแก้ว กระดาษ พลาสติก กล่องนม และกระป๋องอลูมิเนียม เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ ด้วยกลไก Extended Producer Responsibility หรือ EPR ซึ่งเป็นกลไกการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ครอบคลุมตลอดทั้งชีวิตวงจรผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงขั้นตอนหลังการบริโภค โดยมีนางชญานันท์ ภักดีจิตต์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อน EPR ร่วมเป็นประธานในพิธี ในวันที่ 6 ตุลาคม 2566 ณ ห้องเพลนารีฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

 

“สนก. นำเสนอนวัตกรรมการต่อยอดผู้เรียนในมหกรรมการศึกษาระดับนานาชาติ BETT Asia 2023”

วันที่ 4 ตุลาคม 2566 ดร.ฐาปณัฐ อุดมศรี รองผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยและพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้ (วพร.)
สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา (สนก.) ได้รับเชิญเป็น Speaker ในงาน Bett Asia 2023 ซึ่งเป็นมหกรรม
การศึกษาระดับภูมิภาคที่มุ่งเน้นการรวบรวมรัฐมนตรี ผู้นำ และผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงในแวดวงการศึกษาระดับนานาชาติ เพื่อแบ่งปันความรู้ แนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และแนวคิดที่สร้างผลกระทบอย่างแท้จริงและมีความหมายต่ออนาคตของภาคเทคโนโลยีการศึกษาในเอเชีย

โดยภายในงาน ดร.ฐาปณัฐ อุดมศรี พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานเครือข่าย ได้แก่ ดร.พันธุ์ปิติ โพธิ์วิจิตร Director, British Academic Center (BAC) คุณฐนปวรรธน์ แตงอ่อน ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์และพัฒนาการมีส่วนร่วมทางการศึกษา และคุณนันทมาศ ฉัตราภรณ์ Trade Manager- Education, Department for Business and Trade (DBT), British Embassy Bangkok ได้ร่วมกันบรรยาย ในหัวข้อ “Towards Internationalisation: Innovation development projects for Thai students” ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมการเตรียมความพร้อมโครงการ 1.5 plus Dual Degree โดย สพฐ. NCUK และ British Academic Center ที่มุ่งเน้นการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน foundation
ในรูปแบบ Hybrid Learning ที่ไม่จําเป็นต้องลาออกจากโรงเรียนเดิม และมีความสอดคล้องกับบริบทและความต้องการของเยาวชนไทยทั้งในและนอกระบบ

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงแนวทางในการขับเคลื่อนโครงการซึ่งมีทั้งรูปแบบรายบุคคล และรายห้องเรียนหรือโรงเรียน
โดยนักเรียนที่เข้าสู่โครงการจะจําแนกออกเป็น 3 สายการเรียน ได้แก่ สาย Business Engineer และ Science
ที่สอดคล้องกลับระบบการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยของประเทศอังกฤษ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย
โดยใช้ระยะเวลาในการจัดการเรียนการสอน 1.5 ปี ควบคู่กับการเรียนในโรงเรียนปกติ และเมื่อนักเรียนจบการศึกษาแล้วจะได้รับวุฒิการศึกษา ม.6 จากโรงเรียนเดิมพร้อมกับวุฒิ Foundation ที่การันตีที่เรียนและทุนการศึกษา
จากมหาวิทยาลัยเครือข่ายในประเทศอังกฤษ นิวซีแลนด์ และออสเตรเลียได้ทันที